2026 เราพร้อมแค่ไหน

ดร. สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ
ดร. สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ
เผยแพร่เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2568
2026 เราพร้อมแค่ไหน

เดินทางเข้าใกล้ช่วงปลายปีอีกครั้ง ดิฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้นำหลายองค์กรในประเทศไทยที่มาจากธุรกิจที่แตกต่างกัน แต่กลับพูดเหมือนกันว่า “ปีนี้ไม่ง่ายเลย”

ทั้งในมุมเศรษฐกิจ การบริหารคน หรือการนำองค์กรผ่านความเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ในช่วงที่หลายบริษัทกำลังทบทวนปีที่ผ่านมา และวางแผนสู่ปี 2026 คำถามใหญ่ของผู้นำคือ เราพร้อมแค่ไหน สำหรับความท้าทายรอบใหม่ที่กำลังจะมา?

ผลสำรวจล่าสุดของ บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป ในหัวข้อ “Leaders’ Focus for 2026” สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า แม้ปีนี้หลายองค์กรจะพบความท้าทายที่คล้ายกันอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเวลา การสร้างความร่วมมือในทีม การสร้างแรงบันดาลใจให้ทีม และการตระหนักรู้ในตนเอง ทั้งหมดสะท้อนว่าภาวะผู้นำแห่งอนาคตเริ่มจากการเข้าใจทั้งคน ระบบ และวัฒนธรรมที่เราทำงานอยู่ ผลการสำรวจล่าสุดพบว่าผู้นำส่วนใหญ่เข้าใจถึงความสำคัญนี้ แต่สิ่งที่ยังขาดคือการลงมือทำจริงเพื่อเปลี่ยนความเข้าใจให้กลายเป็นผลลัพธ์

การศึกษาในครั้งนี้ชี้ให้เห็น 4 มิติที่ผู้นำและองค์กรต้องให้ความสำคัญในปีหน้า

  1. การแข่งขันตลาด (Market Competition) 
    ตลาดเปลี่ยนเร็วเกินคาด แต่หลายองค์กรยังตอบสนองช้า ความเร็วกลายเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่ทดสอบวิธีคิดของผู้นำอย่างแท้จริง
  2. การนำเทคโนโลยีมาใช้ (Technological Adoption)
    แม้พนักงานพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ช่องว่างระหว่างคนกับระบบยังมีอยู่มาก องค์กรจึงจำเป็นต้องหาทางเชื่อมโลกของเทคโนโลยีเข้ากับโลกของคนให้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
  3. การพัฒนาคน (Human & Workforce)
    การ Upskill / Reskill ไม่ใช่เพียงนโยบาย HR อีกต่อไป แต่เป็นภารกิจร่วมของผู้นำที่ต้องสร้างทั้งทักษะและแรงบันดาลใจให้คนมีพลังและอยากเติบโตไปด้วยกัน
  4. วัฒนธรรมองค์กร (Culture & Management)
    สิ่งที่มองไม่เห็น เช่น ความไว้วางใจ ความสามารถในการบริหารการเมืองภายในองค์กรและการบริหารความเห็นต่าง กลับกลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่ชัดเจนที่สุด เพราะสุดท้ายความรู้สึกของคนในองค์กรคือสิ่งที่กำหนดอนาคตของธุรกิจได้มากกว่าตัวเลขใด ๆ

เมื่อมองงานวิจัยในระดับโลก จาก Center for Creative Leadership (CCL) พบว่า ความท้าทายของผู้นำกว่า 48,000 คนทั่วโลกนั้นไม่ต่างกันเท่าไร คนล้วนต้องเผชิญกับแรงกดดันจากเวลา ความซับซ้อนของทีม และความจำเป็นในการเข้าใจตนเองให้ลึกขึ้น ซึ่ง สลิงชอท กรุ๊ป เสนอกรอบความคิดที่เรียกว่า IMPACT Leadership ประกอบไปด้วย Anticipate–Connect–Thrive (ACT) เพื่อให้ผู้นำที่กำลังเผชิญความกดดัน ความซับซ้อนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

  • Anticipate: ทุกคนเห็นอนาคตและเป้าหมายเดียวกัน
  • Connect: ผนึกพลังขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
  • Thrive ลงมือขับเคลื่อนอนาคตด้วยใจที่เชื่อมั่นร่วมกัน

สามสิ่งนี้ดูเรียบง่าย แต่คือรากฐานความเป็นมนุษย์ในการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง  เมื่อทีมเข้าใจเป้าหมายเดียวกันและเชื่อใจกัน การเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องสั่ง และทุกคนจะมีพลังแบบใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นจริง พลังที่เกิดขึ้นนี้เกิดจาก 3 พลังสำคัญ คือ ความเข้าใจมนุษย์ (Humanity) ความยืดหยุ่น (Resilience) และ ความร่วมมือ (Collaboration) เพราะผู้นำที่แท้จริงไม่ใช่คนที่รู้ทุกอย่างแต่คือคนที่เรียนรู้ไปกับผู้อื่นได้ตลอดเวลา

นับถอยหลังปี 2025 เพื่อก้าวสู่ปี 2026 จึงไม่ใช่เพียงอีกหนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจหรือเทคโนโลยี แต่คือปีแห่งการเปลี่ยนผ่านทางภาวะผู้นำ ผู้นำองค์กรไทยต้องเริ่มจากการเปิดใจเรียนรู้ สร้างวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจ และขยายภาวะผู้นำให้เกิดขึ้นในทุกระดับขององค์กร เพราะในที่สุดภาวะผู้นำไม่ใช่ตำแหน่งแต่คือความรับผิดชอบร่วมกันของมนุษย์ทุกคน

ย้อนกลับ