เก่งงาน หรือ เก่งคน เรื่องไหนสำคัญกว่ากัน?
จับมือทำงานร่วมกันอย่างเป็นทางการมาได้ 1 เดือนแล้ว วันนี้ผมขอยกบทความของคุณรีฟ Tareef Jafferi ผู้ก่อตั้ง Happily.ai มาเล่าสู่คุณผู้อ่านภายใต้หัวข้อสุดคลาสสิก
“เก่งงานหรือเก่งคน สำคัญกว่ากัน?”
เมื่อพนักงานใหม่เข้ามาร่วมทีม หลายองค์กรอาจจะโฟกัสไปที่ทักษะ ความรู้ และการอบรมต่างๆ เพื่อให้เขาพร้อมทำงาน แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามไปคือ “ความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความสัมพันธ์นี้เองที่ส่งผลต่อความสำเร็จและความสุขในการทำงานมากที่สุด
ในยุคที่การทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งการทำงานแบบออนไลน์ แบบไฮบริด หรือแม้แต่การทำงานจากที่บ้าน ทำให้คนในทีมมีโอกาสพบปะ พูดคุย และสร้างความสัมพันธ์กันน้อยลง การสื่อสารกันผ่านหน้าจอแทนที่จะเป็นการพบกันตัวต่อตัว ทำให้เครือข่ายในที่ทำงานเริ่มนิ่ง และกลายเป็นกลุ่มย่อยแยกตัวมากขึ้น
พนักงานใหม่ที่เข้ามาโดยไม่มีโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน อาจรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่กล้าถาม ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ หรือไม่เข้าใจบริบทของทีม ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะลาออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ในทางกลับกัน ถ้าองค์กรมีระบบที่ส่งเสริมให้คนรู้จักกัน เข้าใจกัน และไว้ใจกันได้ตั้งแต่วันแรก พนักงานใหม่ก็จะปรับตัวได้เร็วขึ้น กล้าคิด กล้าทำ กล้าถาม กล้าเสนอความคิดเห็น และที่สำคัญคือ รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมจริงๆ
สิ่งที่เราต้องยอมรับคือ วัฒนธรรมองค์กรที่ดี ไม่ได้เกิดขึ้นจากการกำหนดนโยบายเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างคนในองค์กร ที่ส่งต่อความรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ และรูปแบบการทำงานต่อๆ กันมา
ลองคิดดูว่าทักษะต่างๆ ที่เรามีในวันนี้ เช่น การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือแม้แต่ความสามารถในการแก้ปัญหา ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนรู้จากห้องอบรม แต่เกิดจากการได้ทำงานร่วมกับคนที่เราไว้ใจ คนที่เราเรียนรู้จากเขาโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานของเรานั่นเอง
งานวิจัยยังบอกอีกว่า มากกว่า 70% ของการเรียนรู้ในที่ทำงานเกิดจากการเรียนรู้แบบไม่เป็นทางการ เช่น การพูดคุยระหว่างงาน การขอคำแนะนำระหว่างประชุม หรือแม้แต่การได้ฟังเรื่องราวจากประสบการณ์ของเพื่อนร่วมงาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากความสัมพันธ์ที่ดี และไม่สามารถแทนที่ด้วยเอกสารอบรมหรือวิดีโอสอนงานได้
อย่างไรก็ตาม หลายองค์กรยังคงใช้กระบวนการต้อนรับพนักงานใหม่ (onboarding) ที่เน้นแต่เรื่องกฎระเบียบและขั้นตอนงานโดยไม่ได้สร้างโอกาสให้พนักงานได้รู้จักคนในทีม หรือเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรที่แท้จริง ผลคือพนักงานรู้สึกแปลกแยก ไม่มีที่ยืน และไม่กล้าถามในเรื่องที่ไม่เข้าใจ
สิ่งที่องค์กรสามารถทำได้ คือสร้างระบบสนับสนุนความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นในทุกระดับ ตั้งแต่การแนะนำเพื่อนร่วมงานใหม่ การมีเมนเทอร์ที่คอยให้คำปรึกษา การจัดกิจกรรมที่ให้คนในทีมได้พูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ ไปจนถึงการออกแบบพื้นที่ทำงานให้เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เมื่อพนักงานรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำงานเพียงลำพัง แต่มีคนที่เขาไว้ใจคอยอยู่รอบตัว เขาก็จะสามารถพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ และองค์กรเองก็จะได้ทีมที่แข็งแกร่งขึ้นด้วย
อย่าลืมว่า “ทักษะและความรู้” ที่เรามีในวันนี้ ล้วนเกิดจากคนรอบตัวเราที่เราเคยได้เรียนรู้จากพวกเขา และความสัมพันธ์ที่ดี คือสิ่งที่จะส่งต่อวัฒนธรรมที่ดีให้คงอยู่ในองค์กรต่อไป
และวันนี้ ผู้นำองค์กรไม่ต้องเสียเวลาทำทุกอย่างด้วยตัวเอง Augmented Leadership อันเป็นนวัตกรรมระหว่าง Brain-Based Leadership ร่วมกับ Happily.ai พร้อมเป็นทางเลือกให้เสมอครับ