Mahathir Leadership

 สัปดาห์นี้ไม่เขียนเรื่องนี้คงไม่ได้ นายก มหาเธร์ กับการชนะเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของมาเลเซีย

 

“The day the earth shook” วันที่แผ่นดินสะเทือน – The Star Online 9 May 2018

 

“May 9 was as significant to Malaysia as the fall of the Berlin Wall for Europe” เปรียบได้กับวันที่กำแพงเบอร์ลินถูกทลาย MP Nuzul Izzah Anwar

 

ขนาดในหน้าหนังสือพิมพ์บ้านเรายังมีข่าวมากมาย ทั้งที่ร่วมแสดงความยินดี มีหลายคนทึ่ง บ้างก็ออกมาแฉ และคนไทยบางคนแอบอิจฉา (ผมไม่อธิบายหรอกว่าอิจฉาเค้าเรื่องอะไร)

 

ส่วนผมจะชวนมองในมุมผู้นำ เริ่มด้วยเรื่องขำขันที่เพื่อนเล่าให้ฟัง เสียดายเค้าไม่ได้บอกว่าได้มาจากไหน จึงขออภัยที่ให้เครดิตไม่ถูก อ้อ ชื่อจะเพี้ยนนิด ๆนะครับเพื่อปกป้องผู้เล่า หุๆ

 

นาเจ๊กกับมหาธอร์เดินเข้าไปในร้านเบเกอรี่ด้วยกัน นาเจ๊กฉวยจังหวะเจ้าของร้านเผลอ คว้ากะหรี่พัฟได้สามชิ้น แอบใส่ในกระเป๋ากางเกง

 

“เห็นไหมเพื่อน แค่นี้ข้าก็ได้ขนมไปกินฟรี ๆ ไม่ต้องเสียเงินสักบาท เอ๊ย ริงกิต” เจ้าตัวหลิ่วตา

 

มหาเธอร์ถอนหายใจ “นิสัยเอ็งนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ อาศัยโกงเขาลับหลังตลอด”

 

“นี่ ข้าจะทำให้ดูว่าอีแค่อยากกินขนม เราใช้วิธีตรงไปตรงมาก็ได้ ไม่ต้องลับๆล่อๆ” ผู้อาวุโสกล่าวพลางเดินไปหาเจ้าของร้านซึ่งยืนอยู่หลังเคาวเตอร์

 

“ท่านเจ้าของร้าน อยากดูมายากลไหม ส่งกะหรี่พัฟให้ข้าชิ้นหนึ่งสิ” เจ้าของร้านนึกสนุก จึงยื่นให้ดังคำขอ มหาเธอร์เอาใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

 

“ขออีกชิ้น” เจ้าของร้านส่งให้อีก ซึ่งก็ถูกเคี้ยวกลืนหายเช่นกัน

 

“ขออีกชิ้นนะ” คราวนี้ผู้เสียหายชักลังเล แต่ก็ส่งให้อยู่ดี และมหาเธอร์ก็ใส่ปากกินหมดเป็นลูกที่สาม

 

“เอ่อ ท่านมหาเธอร์ ท่านกินขนมของข้าไปสามชิ้นแล้ว ไหนล่ะมายากลที่ว่า ข้ายังไม่เห็นเลย” คำถามท้วง

 

มหาเธอร์เอียงหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเจ้าของร้าน

 

“ลองดูในกระเป๋านาเจ๊กสิ”

 

มันเป็นเรื่องโจ๊กที่ผมโคตรขำเลยครับ หัวเราะจนคนบนเครื่องหันมาดูทั้งลำ

 

ข้อคิดของผู้นำสมอง

  1. Hope trumps rewards การพลิกล็อคขั้นมโหฬารคือคนมาเลย์ซึ่งเป็นฐานเสียงอันยาวนานของพรรครัฐบาลเดิมเปลี่ยนมาโหวตให้ฝ่ายตรงข้าม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลยุทธ์การหาเสียงของนาจิบและมหาเธร์นั้นต่างกัน นาจิบใช้การจูงใจให้คนโหวตด้วยวิธีต่างๆนาๆ แม้ก่อนวันเลือกตั้งไม่กี่วันเขายังประกาศว่าถ้า BN ชนะ จะประกาศวันหยุดเพิ่มในสัปดาห์ต่อไปและจะยกเว้นภาษีให้กับคนหนุ่มสาว ส่วนมหาเธร์แค่ถามคนมาเลเซียว่า อยากมีอนาคตแบบไหน อยากสร้างประเทศแบบใดไว้ให้ลูกหลาย ซึ่งสิ่งชวนคิดสำหรับผู้นำในองค์กรคือ การจูงใจด้วยเงิน โบนัส หรือสิ่งตอบแทน ไม่สามารถสู้กับพลังความต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องและการอยากมีอนาคตที่ดีได้ โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่
  2. People want autocratic leadership ผลวิจัยในหนังสือ Open Source Leadership โดย Rajeev Peshawaria และสถาบัน Iclif Leadership and Governance Centre บอกว่าคน 75% ต้องการผู้นำที่เด็ดขาดกล้าตัดสินใจโดยไม่ต้องกังวลเสียงต่อต้าน มหาเธร์เป็นตัวอย่างจริงของแบบสอบถามนี้ ก่อนเลือกตั้งผมถามผู้เรียนชาวมาเลเซียว่าใครจะชนะ ทุกคนบอกว่า 50-50 แต่ผลโหวตของประชาชน Popular Vote กลับปรากฎว่า พรรค BN ของนาจิบได้คะแนนเสียงเพียง 36% เท่านั้น แสดงว่ากว่าหกในสิบคนต้องการนายกที่เด็ดขาด กล้าหักกล้าฟันเพื่อประโยชน์ของประเทศ มากกว่านายกที่ประนีประนอมเล่นการเมืองกับทุกฝ่าย
  3. คนไทยเรียนรู้อะไร? การเคารพในกติกาและไม่ใช้ความรุนแรง หลังผลเลือกตั้งออก ผมส่งภรรยาและลูกบินกลับไทยเพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา ฝั่งรัฐบาลเดิมจะยอมออกดีๆหรือจะมีลูกตุกติกอะไร แล้วถ้ามีคนจะว่าอย่างไร จะเกิดการประท้วงยืดเยื้อเป็นสงครามกลางเมืองหรือเปล่า ปรากฎว่าไม่มีอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดี มหาเธร์ขึ้นเป็นนายก นาจิบถูกสั่งห้ามออกจากประเทศเพื่อรอผลสืบสวนกรณีคอรัปชั่นต่างๆ และคนมาเลเซียยอมรับผลเลือกตั้ง ทั้งที่หลายฝ่ายเสียประโยชน์จากการที่ฝ่ายค้านชนะ

หมายความว่ามาเลเซีย ‘เจ๋ง’ กว่าไทยใช่ไหม? คำตอบคือไม่รู้ครับ เพราะผมไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของมาเลเซียเป็นความสำเร็จในการเลือกผู้นำที่ดีเหนือผู้นำที่แย่อย่างแท้จริง

หรือคนไทยยังยิ้มกริ่มอยู่ว่า “เออ รอดูไปเหอะ มหาเธร์ที่เอ็งฝากความหวังไว้นั้นเป็นอย่างไร”

ต้องรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปครับ!

Ready to start your Leadership Journey?