Leaders are Readers

ช่วงเดือนที่ผ่านมาต้องถือว่าเป็นการเริ่มต้นปีที่ดี ด้วยการเติมอาหารสมองให้ตัวเองและทีมงานในบริษัท

พวกเรานั่งคุยกันว่า เราอยากเข้าใจว่าโลกแห่งการทำงานในอนาคตจะหน้าตาประมาณไหน จึงมอบหมายให้น้อง ๆ ในบริษัทไปอ่านหนังสือกันคนละเล่มและกลับมาสรุปให้ทีมงานและผู้บริหารฟัง ภายในเดือนเดียวพวกเราอ่านหนังสือกันไป 6 เล่ม

  1. No Rules Rules
  2. The Future Is Faster Than You Think
  3. Experimentation Works
  4. Completing in the Age of AI
  5. Mindset
  6. A World Without Work

ต้องถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะไม่เพียงได้รับประโยชน์จากเนื้อหาในหนังสือ แต่เราต่างได้เรียนรู้ถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่จากการมานั่งอ่านหนังสือร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้นำและพนักงานในองค์กร

  1. เราเห็นศักยภาพและพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้น อยู่ในตัวน้อง ๆ ที่ยากจะเห็นได้จากการทำงานปัจจุบัน น้องบางคนปกติทำงานเขียน วิเคราะห์ข้อมูล เป็นผู้ช่วยอยู่หลังบ้าน แต่พอต้องลุกขึ้นมานั่งสรุปหนังสือให้ผู้บริหารฟัง กลับฉายแวว ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูด หน้าตา น้ำเสียง รอยยิ้ม แนวคิด ที่เห็นถึงศักยภาพอีกมุมอย่างสง่างาม
  2. เป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนต่างเจนเนอเรชั่น การมีโอกาสได้พูดถึงเรื่องเดียวกันในมุมมองที่ต่างกัน ช่วยให้พี่รุ่นใหญ่ ที่ในสถานการณ์ปกติจะเป็นคนชี้แนะแนวทางให้น้องได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนฟังมากขึ้น เพราะเรื่องเหล่านี้พี่เองก็ไม่มีประสบการณ์จะมาชี้แนะให้น้องเหมือนกัน ในทางตรงข้ามน้องกลับมีมุมมองที่น่าสนใจมาเล่า ดังนั้นการอ่านหนังสือในครั้งนี้เป็นมากกว่าการปิดช่องว่างของคนทั้ง 3 เจนในองค์กร แต่ยังเป็นตัวผลึกพลังให้เห็นภาพอนาคตร่วมกัน ทั้งโอกาส ความท้าทาย และความหวัง
  3. ไม่มีใครแก่เกินเรียน ภาพของคนอ่านหนังสือความยาวประมาณ 300 หน้า ให้จบในเวลาไม่เกินเดือนนึง คงหาดูไม่ยากสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ยิ่งเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน เรามักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปการทำงาน เน้นประสบการณ์ผ่านการลงมือทำมากกว่า ส่วนความรู้ก็อาจหาผ่านทางลัดผ่าน เช่น การฟัง Podcast หรือสรุปหนังสือ การได้กลับมานั่งอ่านตำราอีกครั้ง ช่วยรื้อความทรงจำสมัยเรียนและสอนให้รู้ว่าองค์ความรู้เดิมไม่พอกับโลกที่เปลี่ยนไปทุกวัน แม้เรื่องใหม่ๆ มันจะล้ำไปมากเพียงไร แต่ไม่มีใครแก่เกินเรียนรู้หรือเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ และคนที่มีประสบการณ์น้อยกว่า อายุน้อยกว่าก็สามารถเป็นครูให้คนที่มีประสบการณ์มากกว่า อายุมากกว่าได้
  4. มากกว่าการอ่านหนังสือคือการนำไปใช้ อันนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเอาหนังสือที่ถอดรหัสความสำเร็จขององค์กรใดองค์กรหนึ่งมา แล้ว copy วิธีของเขามาใช้กับเรา โดยหวังว่าจะสำเร็จเหมือนเขาเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ในทางตรงข้ามเราควรนำข้อคิดจากการอ่านมาดูว่าจะทำอย่างไรให้เราไปสู่เป้าหมายของเรา ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเรามากกว่า

John C. Maxwell เคยกล่าวไว้ว่า “When I teach and mentor leaders, I remind them that if they stop learning, they stop leading”.

ดังนั้นการอ่านหนังสือในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการอ่านเพื่อให้ตัวเองเรียนรู้และเติบโต แต่เป็นการอ่านเพื่อช่วยให้คนรอบข้างได้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
คอลัมน์: Leading for the Future

Ready to start your Leadership Journey?