ทฤษฎีไก่ป่า
ทฤษฎีไก่ป่า
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้สนทนากับอาจารย์ท่านหนึ่ง
บ้านท่านอยู่ชลบุรี มีเนื้อที่หลายสิบไร่ ปลูกเป็นสวนป่า ร่มรื่นมาก
ในที่ของท่านมีไก่ป่าอาศัยอยู่ ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ท่านก็เดินเข้าป่า ไปนั่งดูนก ดูไก่
ท่านเล่าว่า ไก่ป่า มีลูกมาก ครั้งละเกือบ 20 ตัว
เมื่อลูกไก่ออกจากไข่กลายมาเป็นลูกเจี๊ยบ ตอนกลางคืนเวลานอน แม่ไก่จะให้ลูกๆ กระโดดเกาะหลัง แล้วบินขึ้นไปนอนบนต้นไม้ เพื่อหลบภัยจากสัตว์ทั้งหลายที่จะมาจับลูกไก่กินเป็นอาหาร
เมื่อลูกๆ โตขึ้นอีกนิด คราวนี้แม่ไก่ไม่ให้เกาะหลังแล้ว แต่บินขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้เตี้ยๆ แล้วร้องเรียกลูกไก่ให้กระโดดขึ้นมา
บางตัวกระโดดได้ บางตัวกระโดดไม่ได้ !
แม่ไก่ร้องเรียกลูกๆ ตั้งแต่บ่ายจนค่ำมืด
สุดท้ายมีลูกไก่ 2-3 ตัว ที่กระโดดยังไง ก็ขึ้นกิ่งไม้ไม่ได้อยู่ดี สุดท้ายแม่ไก่ตัดสินใจทิ้งลูกๆ เหล่านั้น เพื่อรักษาสมาชิกส่วนใหญ่เอาไว้
ลูกที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนกิ่งไม้ได้แล้ว แม่ไก่ก็บินไปเกาะกิ่งที่สูงขึ้น แล้วร้องเรียกอีก ลูกไก่ต่างพากันกระโดดจากกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่ง สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหลบภัย
บางตัวกระโดดไปได้ 2-3 กิ่ง ก็ตกลงพื้น ต้องเริ่มต้นใหม่
ในที่สุดลูกๆ เกือบทั้งหมด สามารถขึ้นไปอยู่บนคบไม้ที่อยู่สูงจากพื้นดินหลายเมตรได้สำเร็จ
ส่วนตัวที่ไม่สามารถขึ้นมาได้ ก็กลายเป็นเหยื่อของธรรมชาติไป
หลังจากท่านเล่าเรื่องไก่ป่าให้ฟัง ก็เปรียบเปรยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ต่างจากการทำงานของมนุษย์
พนักงานบางคน กระเสือกกระสนจนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ได้ ส่วนบางคนพยายามเท่าไร ก็ขึ้นไม่ได้ซะที ซ้ำร้ายอาจมีบางคนพยายามแค่ครั้งสองครั้งก็เลิกไป รอให้แม่มารับ ซึ่งล้วนผิดหวังไปตามๆ กัน
หากองค์กรตัดใจไม่ได้ พยายามหอบหิ้วทุกคนไป ทั้งๆ ที่ไม่ไหว ตามหลัก “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” สุดท้ายจะไปไม่รอดกันทั้งหมด
ทฤษฎีนี้ ไม่ได้สอนให้โหดร้าย ไม่มีน้ำใจ แต่ให้มองความอยู่รอดของคนกลุ่มใหญ่ เพราะถ้าพยายามหอบหิ้วกระเต้งกันไป นอกจากคนที่ไม่ไหวจะกลายเป็นภาระแล้ว คนที่ไหวก็ไปได้ช้าลง และในที่สุด “รจตกม” (เราจะตายกันหมด)
ที่ท่านเล่ามา ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยทุกประเด็น แต่คิดว่าน่าสนใจดี ขอนำมาเล่าต่อ
อย่าลืมกดติดตาม LINE OA : Leadership Hacks สำหรับข่าวสารและอาหารสมองดี