Innovation Made Easy
ซีอีโอบอกผมว่า ปัจจัยที่ทำให้เขาตัดสินใจเลือกผมให้ข้ามประเทศมาร่วมทีมคือ You can create content คุณสามารถสร้างเนื้อหาเป็นของตัวเอง And you are not afraid to try และคุณไม่กลัวที่จะลองผิดลองถูก ลำพังแค่สอนเก่ง พูดอังกฤษได้ และหน้าตาดี (อันนี้ผมเติมเอง) ไม่พอหรอก
หลายคนถาม อยากเป็นเจ้าของ Content บ้างต้องทำอย่างไร? คำตอบง่าย ๆ คือ ต้องขยันคิด
เทคนิกการสร้างเนื้อหาคือ ต้องหมั่นมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว แล้วตั้งคำถาม เช่น ทุกคนบอกว่า Innovation สำคัญอย่างนั้นอย่างนี้ แต่น้อยองค์กรจะพูดได้อย่างเต็มปากว่าพนักงานส่วนใหญ่เป็นนวัตกร
ผมเพิ่งไปเยี่ยมองค์กรระดับสากลแห่งหนึ่ง ระดับผู้จัดการยังบอกว่า “แค่ทำงานไปวันๆ ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว จะให้คิดอะไรอีกนักหนา”
นี่ขนาดองค์กรระดับโลกนะ คนยังคิดอย่างนี้ นับประสาอะไรกับองค์กรขนาดย่อยๆ รองๆ ลงมา
จากข้อสังเกต ไปสู่คำถาม ไปสู่สมมติฐาน “เป็นไปได้ไหมว่าสาเหตุที่คนไม่อยาก innovate เพราะเราทำเรื่อง innovation ให้เป็นเรื่องยาก”
ผู้เขียน Blog innovationinpractice.com บอกว่า “องค์กรมักทำให้นวัตกรรมดูเป็นสูตรลับที่ต้องค้นหาและปลดปล่อย” a mystique about innovation and creativity as though it is a deeply hidden secret that needs to be unleased.
หากเราลองคิดใหม่ล่ะ คิดว่า Innovation เป็นเรื่องง่าย เหมือนร้าน Daiso (หรือ Donqui ที่เพิ่งเปิดหมาดๆ)
จากตรงนี้เราก็ต่อยอดไปได้อีกไกล ลองดู 10 ข้อคิดของหลักสูตร Innovation Inside-Out นะครับ
- Innovation ≠ Technology แม้สองสิ่งนี้เกี่ยวกัน แต่นวัตกรรมไม่ใช่เทคโนโลยี แม่บ้านธรรมดาๆทีมหนึ่งสามารถคิดวิธีลดใช้จำนวนช้อนกาแฟได้ ประหยัดทั้งน้ำล้าง ประหยัดทั้งการจัดซื้อ
- Innovation ≠ Process การสร้างนวัตกรรมไม่ใช่กระบวนการแต่คือความหมั่นคิดและหมั่นทำ เช่น Kaizen ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าเป็นระบบ จริงๆมันคือการสร้างนิสัยให้ทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันทำได้ต่างหา
- Innovation ≠ Big Idea หลายองค์กรมักทำนวัตกรรมให้เป็นเรื่องใหญ่ จัดประกวดแข่งขันหาทีมที่ชนะ แม้ตัวช่วยเหล่านี้ทำให้การผลักดันด้าน Innovation ดูเป็นรูปธรรมก็จริง แต่มีเพียงคนส่วนน้อยที่เข้าร่วม และบางครั้งทำให้ทีมที่ไม่ชนะเสียกำลังใจ
- Innovation ≠ Me เราให้ความสำคัญกับคนที่ ‘คิดได้’ จนแรงกดดันตกอยู่กับพนักงานในการสร้างนวัตกรรม จนกลายเป็นแรงต้านซึ่งทำให้พนักงานไม่อยากเป็นนวัตกร ลองไปดูสิครับ หลักสูตรนวัตกรรมในองค์กรมีคนอยากลงเรียนกี่คน ไม่ใช่เพราะไม่สนใจ แต่กลัวว่าถ้าเรียนแล้วเดี๋ยวกลับมา ‘ต้องทำ’
- Innovation ≠ Big Idea หลายองค์กรมักทำนวัตกรรมให้เป็นเรื่องใหญ่ จัดประกวดแข่งขันหาทีมที่ชนะ ตัวช่วยเหล่านี้ทำให้เรื่องการผลักดันด้าน Innovation ดูเป็นรูปธรรมก็จริง แต่มันสร้างได้แค่คนส่วนน้อยที่เข้าร่วม และบางครั้งทำให้ทีมที่ไม่ได้ชนะเสียกำลังใจ
- Innovation ≠ Die นวัตกรรมบนความหวังดีกว่านวัตกรรมบนความตระหนก จริงอยู่สัญชาติญาณการเอาตัวรอดอาจทำให้สมองตื่นตัว แต่มันเป็นการกระตุ้นแค่ชั่วคราว สมองที่สร้างสรรค์ทำงานได้ดีบนความรู้สึกบวก งั้นหากขู่แล้วไม่ได้ผลลองใช้ความหวังดูบ้างไหม
- Innovation ≠ Invent การคิดค้นของใหม่ไม่ใช่วิธีเดียวสู่นวัตกรรม ในยุค 0 แบบ Open Source เรามีทรัพยากรมากมายอยู่แล้วที่รอการปะติดปะต่อ ลองคิดเชิงประยุกต์แทนการคิดเชิงประดิษฐ์ มีอะไรอยู่แล้วบ้างที่นำมาผสมกันได้ให้เกิดคุณค่าใหม่
- Innovation ≠ Talent ความเชื่อผิดๆคือนวัตกรรมถูกผูกให้อยู่กับความเก่ง คนฉลาดๆเท่านั้นจึงจะคิดสิ่งใหม่ได้ มันอาจจะจริงอยู่บ้าง แต่ในยุคปัจจุบันที่คนเก่งหายากและอยู่ไม่ทน ลองเปลี่ยนวิธีมาสร้างนวัตกรรมจากความคิดแทน ลงทุนกับการเฟ้นหาความคิดดีๆในองค์กรที่มาจากใครๆก็ได้
- Innovation ≠ Hardware เมื่อ 5 ปีที่แล้วผมเคยเลิกสอนหัวข้อนวัตกรรม เพราะรู้ว่าสำหรับคนทั่วไปอย่างเราๆท่านๆ การจะคิดค้นอะไรใหม่ๆเป็นเรื่องเกินตัว ตอนนี้กลับมาหามันอีกครั้งเพราะคิดว่าสิ่งแวดล้อมพร้อมแล้ว เหลือเพียง Heartware เท่านั้นที่รอการจุดประกาย
- Innovation ≠ Impossible นำ 9 ข้อนี้มาร้อยเรียงกัน เราจะเห็นว่าการ Innovate ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงรู้ทันเทคโนโลยี เปลี่ยนทัศนคติ ใส่ใจในเรื่องเล็กๆใกล้ๆตัว ช่วยคนอื่นต่อยอดไอเดีย โฟกัสที่ความคิดไม่ใช่บุคคล จงเชื่อว่า
เราสามารถมีส่วนร่วมสร้างนวัตกรรม เพื่ออนาคตใหม่ที่ดีขึ้น เท่านี้ก็เป็นไปได้แล้ว
ส่วนแบบฝึกหัดของคนอยากโกอินเตอร์ ลองหาทางสร้างคอนเทนต์ของตัวเองด้วยการสังเกต ตั้งสมมติฐาน หาข้อมูลมาวิเคราะห์ และสร้างมุมมองที่แตกต่างครับ