กระดาษทิชชู่

ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ดิฉันมีโอกาสร่วมงานกับบริษัทขุดเจอะน้ำมันแห่งหนึ่ง มีหน้าที่ ดูแลโรงงานที่ตั้งอยู่ทั้งในและต่างประเทศ พนักงานส่วนใหญ่มาจากสายวิศวกรรม ซึ่งจะเน้นเรื่องงานเป็นหลัก อยู่มาวันหนึ่ง ดิฉันได้รับอีเมลฉบับหนึ่งที่มีชื่อหัวข้อว่า “กระดาษทิชชู่” ซึ่งดิฉันเป็นหนึ่งในรายชื่อพนักงานอีกร้อยกว่าคนที่ได้รับสำเนาอีเมลฉบับนี้  เมื่อเหลือบไปเห็นข้อความหนึ่ง ทำให้ดิฉันตัดสินใจเปิดอีเมลฉบับนี้อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ พอเปิดอีเมลและเลื่อนลงไปดูข้อความก่อนหน้านี้ พบว่าเลื่อนลงไปยาวมากกว่าจะเจอต้นเรื่องที่เขียนตอบกันไปตอบกันมายาวเหยียดกว่า 2 วัน

 

เรื่องเกิดจากมีพนักงานโรงงานที่ประจำสำนักงานแหลมฉบังท่านหนึ่งชื่อคุณเอ คุณเอเป็นเลขาผู้จัดการฝ่ายขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในโรงงานนี้ เธอเขียนอีเมลถึงคุณแต้ม เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ สั้นๆ ว่า “กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำหมด”

 

จากนั้นแต้มก็เขียนอีเมลตอบกลับ พร้อมสำเนาถึงหัวหน้าคุณเอว่า “คุณคงไม่ได้เข้าประชุมบริษัทเดือนที่ผ่านมา เราได้แจ้งให้พนักงานทราบแล้วว่าทางบริษัทกำลังเปลี่ยนบริษัททำความสะอาด ซึ่งระหว่างนี้พนักงานอาจได้รับผลกระทบ”

 

คุณเอจึงตอบอีเมลกลับ พร้อมสำเนาถึงผู้จัดการโรงงานว่า “แล้วเมื่อไหร่จะดำเนินการเสร็จ”

 

คุณแต้มตอบอีเมลกลับอีกรอบ พร้อมสำเนาผู้จัดการแผนกจัดซื้อว่า “เรื่องนี้ต้องถามทางจัดซื้อ”

 

จากนั้นผู้จัดการแผนกจัดซื้อหายไปครึ่งวัน จึงตอบอีเมลกลับ  พร้อมสำเนาพนักงานแผนกจัดซื้อทั้งทีมว่า “เรากำลังดำเนินการอยู่”

 

คุณเอตอบอีเมลกลับ รอบนี้สำเนาพนักงานทั้งบริษัทว่า “ตอนนี้จะให้พนักงานปฏิบัติตัวอย่างไร”

 

จากนั้นก็ยังเขียนตอบกันไปตอบกันมาแบบนี้ยาวเหยียด

 

ข้อความสุดท้าย ซึ่งเป็นข้อความที่ดิฉันตัดสินอ่านอีเมลฉบับนี้ เป็นอีเมลจากผู้จัดการโรงงานซึ่งเขียนตอบมาว่า  “2 วันที่ผ่านมา ท่านใช้ชีวิตกันอย่างไรก็ขอให้ชีวิตตามปกติ!!”  

 

ท่านเคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้บ้างไหมคะ ที่กระดาษทิชชู่แผ่นเดียวทำให้องค์กรทั้งองค์กรระส่ำระสาย ปัญหาง่าย ๆ ที่สามารถแก้ไขเพียงไม่กี่นาที กลับใช้เวลาหลายวันก็ยังหาทางออกไม่ได้ ส่งผลให้สัมพันธ์ภาพของของในองค์กรถูกบั่นทอน

 

ความเจริญของเทคโนโลยีทำให้เราไม่พูดคุยกัน เราไม่พยามทำความเข้าใจและแสดงความเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายหนึ่ง ความรวดเร็วของเทคโนโลยีทำให้เราโต้ตอบกันได้อย่างรวดเร็ว จนเราด่วนตัดสินใจไปก่อนด้วยข้อมูลเพียงน้อยนิดที่เรามี เราขาด “ช่วงขณะแห่งความเป็นมนุษย์ หรือ Human Moment” อย่างแท้จริง

 

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเรื่องราวความวุ่นวายในองค์กรที่เกิดจากอีเมล ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีรุ่นบุกเบิก  ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่มนุษยย์อย่างเรากำลังเผชิญความท้าทายอยู่ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้นำมาซึ่งโอกาส ความมีประสิทธิภาพ และผลผลิตที่ดีขึ้น  แต่เราจะอยู่กับมันอย่างไรให้ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ โดยใช้จุดแข็งแห่งมนุษย์และประสิทธิภาพแห่งเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์สูงสุด

 

บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจทั่วโลก ทำการศึกษาพบว่า ผู้นำแห่งอนาคต สามารถสร้างสิ่งแวดล้อมให้เกิดการ “ประสานงาน” ระหว่างเทคโนโลยีและมนุษย์ได้ดังนี้

  1. ปลูกฝังพฤติกรรมในด้านการประสานความร่วมมือกับเทคโนโลยี ให้กลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร
  2. ชื่นชม ยกย่องพนักงานที่มีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับค่านิยมด้าน ความคิดสร้างสรรค์ ความกระหายใฝ่รู้ การคิดวิเคราะห์
  3. สร้างความหลายหลายให้กับองค์กร โดยการจ้างคนที่มีความแตกต่างทางพื้นฐานและแนวคิด อันเป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับในความไม่เหมือน นำมาซึ่งความเห็นอกเห็นใจในองค์กร
  4. เริ่มระบบพี่เลี้ยงในองค์กร เพื่อสร้างโอกาสให้พนักงานที่มีประสบการณ์น้อยกว่า ได้เรียนรู้จากพี่ที่มีประสบการณ์มากกว่าภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย รวมถึงเปิดโอกาสให้พนักงานรุ่นใหม่ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยี ได้มีโอกาสเป็นพี่เลี้ยงให้กับรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์มากกว่าในด้านการใช้เทคโนโลยี

Ready to start your Leadership Journey?