ป่วยไข้ในต่างแดน (1)

 “คุณธัญ ลืมส่งต้นฉบับหรือเปล่าคะ” พี่ซาร่าผู้กรุณาช่วยดูแลเรื่องบทความของผมส่งเมสเสจมา

 

“ตายๆ ขออภัยอย่างมากครับพี่ ส่งไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ครอบครัวผมป่วยทั้งบ้านเลย วิ่งไปวิ่งมาไม่มีเวลาเขียนเลยครับ” ผมระล่ำระลักเขียนตอบ

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมตั้งชื่อประชดตัวเองว่า Dengue Week หรือสัปดาห์แห่งไข้เลือดออก กล่าวถึงโรคนี้ทุกคนคงยังจำเคสของคุณปอ ทฤษฎี ที่คนไทยทั้งประเทศสวดมนต์ภาวนาเอาใจช่วยได้ แม้สุดท้ายปาฏิหาริย์จะไม่เกิดขึ้น

 

ในชีวิตจริง การลุ้นระทึกคนที่ไม่ได้เป็นอะไรโดยสายเลือด กับการลุ้นระทึกคนในครอบครัว ช่างแตกต่างเหลือเกิน

 

บ้านเรา 2 พ่อแม่กับ 2 พี่สาวน้องชาย เดินทางไปทริปเกาะหลีเป๊ะ บินตรงจากเคแอลลงลังกาวีแล้วต่อเรือไปได้ทันที ออกเก้าโมงเช้า สามโมงเย็นเข้าโรงแรมบนเกาะเรียบร้อย

 

ห้าวันห้าคืนกับท้องทะเล ดำน้ำ Scuba ดำน้ำ Snorkel เล่นหาดทรายว่ายน้ำสระ ตกค่ำนัดเพื่อนชาวอเมริกันอีกครอบครัว เดินถนนคนเดินกินซีฟู้ดกัน กุ้งย่างปลาเผา โอ้ว ชีวิตช่างมีความสุข

 

กลับมาได้สี่วัน เช้าวันจันทร์คุณภรรยาส่งไลน์มา เป็นรูปปรอท ‘38.4’ บอกว่าหนาว ขนลุกตลอดเวลา ขนาดไม่เปิดแอร์ยังนอนสั่น ผมก็ไม่ได้คิดอะไร บอกเธอให้กินยาลดไข้ พักไปตามสเต็ป

 

อังคารวันรุ่งขึ้น เจ้าลูกสาวกลับจากโรงเรียน ไข้ 38.3 ฟระ เล่นทั้งแม่ทั้งลูกเลยเหรอเนี่ย เข้าคอร์สลดไข้ กินยาเช็ดตัวตามๆกันไป

 

เริ่มแปลกใจวันพฤหัส ทั้งลูกทั้งแม่ไข้ยังสูงปรี๊ด มีเกือบๆแตะ 40 ไอ้ผมก็ดันมีประชุมสำคัญ กว่าจะได้พาไปหาหมอล่อเข้าไปศุกร์เช้า เพชรเป็นไข้มาห้าวันแล้ว

 

“You need to bring her in right now!” เสียงพยาบาลดังฟังชัดมาทางโทรศัพท์ “We need to admit her as soon as possible” ให้ผมพาภรรยาไปทันที เมื่อผลเลือดที่เจาะคอนเฟิร์มว่าทั้งเพชรและพินเป็นไข้เลือดออก แต่คนอาการหนักคือผู้เป็นแม่ ทั้งปวดหัว เวียนหัว อาเจียน ไม่มีแรง ฯลฯ

 

โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ใกล้บ้านมาก เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เดินเข็มให้น้ำเกลือ

 

ไข้เลือดออก

เล่าสักนิดเนื่องจากศึกษามาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ไข้ชนิดนี้ติดต่อถึงมนุษย์โดยยุงลายเป็นพาหะ ระยะฟักตัวของไวรัสหลังถูกกัดคือ 4-10 วัน อาการแรกๆคือไข้สูงปรี๊ด 39-40 C แล้วจะลอย คือกินยาลดไข้แต่ไม่ลง รวมถึงจะไม่มีอาการของหวัดที่เราคุ้นกัน ไม่มีไอ ไม่มีน้ำมูก ไม่มีเสมหะ แค่ไข้สูง กับอาการแปลกๆเช่น ปวดท้อง ปวดกระบอกตา ปวดหัวเวียนหัว เพชรบอกว่า “ไอ้หนาวๆสั่นๆเป็นตลอด ทุกทีไม่เคยเป็น”

 

แต่ความน่ากลัวของโรคนี้ไม่ได้อยู่ที่ไข้ หลังจาก 3-5 วันไข้จะหายไปเฉยๆ เข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า Critical Phase หรือช่วงวิกฤติ ในบางรายจะเกิดภาวะอวัยวะล้มเหลว โดยเฉพาะตับซึ่งเป็นเป้าหมายแรกของเจ้าไวรัสตัวนี้ I’m traying to save your liver” หมอบอกกับเพชรเมื่อผลเลือดออก ค่าตับ AST และ ALT พุ่งทะลุเกณฑ์ไปสิบเท่า หากขึ้นไปอีกจะเสี่ยงต่อภาวะตับวาย

 

ความเร้าใจสูงสุดของไข้เลือดออกคือไม่มียารักษา ต่อให้อยู่โรงพยาบาลสิ่งที่หมอทำได้คือประคับประคองร่างกายให้ต่อสู้ให้ดีที่สุด โดยบอกไม่ได้ว่าร่างกายใครจะเกิดอาการใด เช่นกรณีของเพชรถึงว่าหนัก แต่ของพินค่อนข้างชิล หมอเพียงให้ตรวจเลือดทุกวัน ดื่มน้ำมากๆ และลูกสาวไม่มีอาการอะไรทางร่างกายนอกจากไข้

 

ตัวช่วยหลักระหว่างเป็นโรคนี้คือ น้ำ ดื่มเยอะๆเท่าที่ดื่มได้ เพราะตัวแปรสำคัญคือค่าความข้นของเลือด หรือ Hematocrit คนเป็นไข้เลือดออกบางคนเข้าสู่สภาวะช็อคเพราะขาดน้ำ ผมต้องรบกับเจ้าพินตลอดให้ดื่มน้ำ 1 แก้วทุกชั่วโมง

 

การตรวจหาว่าเป็นหรือเปล่าคือดูผลเลือด จะวัดค่า NS1 antigen หรือการปรากฏของไวรัสในกระแสเลือด แต่ก็เอาแน่นักไม่ได้มันมีช่วงขึ้นลง หมอจึงต้องสอบถามอาการอื่นและตรวจร่างกายประกอบ เช่นในกรณีเพชร หมอตรวจหา Rash หรือผื่นแดงบนร่างกาย กดผิดรีดแขนดู ซักประวัติว่ามีการเดินทางไปในโซนเสี่ยงหรือเปล่า

 

เช่นเคสบ้านผมนั้นเกาะหลีเป๊ะเข้าข่ายต้องสงสัย ส่วนหนึ่งคืออยู่ในโซนร้อนชื้นแหล่งยุงลาย และอีกส่วนคือเป็นสถานที่ๆมีนักท่องเที่ยว เพราะไข้เลือดออกสมัยนี้ก็ Globalized เดินทางหากันผ่านยุงได้โดยผู้ที่เป็นโรคนี้

 

หน้ากระดาษหมดแล้วตอนหน้ามาต่อนะครับ ยังไม่ถึงเรื่องนายธีร์เลย

Ready to start your Leadership Journey?