ลูกน้องไม่อยากโปรโมท
ปัญหาโลกแตก “มีลูกน้องไม่อยากโปรโมท ทำอย่างไรดีครับอาจารย์?”
ผู้จัดการยุคปัจจุบันพบกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือลูกน้องไม่ต้องการการเลื่อนตำแหน่ง ไม่ต้องการความรับผิดชอบที่มากขึ้น ไม่ต้องการดูแลคน ไม่ต้องการปวดหัว เรื่องเงินเรื่องผลตอบแทนไม่เอาก็ได้ ไม่คุ้ม ฯลฯ
หลายคนบอกผมว่าเป็นอาการของคนรุ่นเก่า ที่ติด Comfort Zone จนยากจะออก บางคนอย่าว่าแต่งานใหม่เลย จะขยับโต๊ะทำงานยังไม่ได้ พี่นั่งมาสามสิบปีแล้ว น้องอย่ามายุ่งกับพี่ ถ้ายุ่งพี่ออก
แต่ก็มีอีกหลายคนที่บอกผมว่า เป็นอาการของเด็กรุ่นใหม่ มีฐานะอยู่แล้วไม่ง้อเงินเดือน อยากจะทำงานเฉพาะตน พี่อย่ามายุ่งกับหนู ถ้ายุ่งหนูออก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Gen Y Gen Z หรือ Baby Boomer การตัดสินใจก็ไม่พ้นหัวหน้าอยู่ดี “แล้วอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร?”
อ่านหนังสือหลายเล่ม บางเล่มให้ดูเรื่อง Motivation แรงจูงใจ แต่คุยกันแล้วเจ้าตัวบอกว่า แรงจูงใจคือการได้มาทำงานไม่ต้องเบื่ออยู่บ้าน ได้เจอเพื่อน สบายใจ ถ้าต้องมีเรื่องให้ปวดหัวอย่างการบริหาร ก็จะลาออก
อ้าว?
กระทั่งหนังสือ Open Source Leadership ของ Iclif เอง ยังเขียนว่า พนักงานรุ่นใหม่ควรมีสิทธิ์ในการเลือก ถ้าเค้าอยากทำแค่นี้ ก็ควรให้ทำแค่นี้ มันจะมีคน 20% ที่สร้างผลงาน 80% เอง กฎ 80/20 ไม่ต้องบังคับ
โอ้ว?
แต่ถ้าทิ้งไว้เป็นปูชนียบุคคลมันจะสร้างตัวอย่างไม่ดีให้ลูกน้องหรือเปล่าอาจารย์? คนอื่น ๆ จะอ้างได้ว่าพี่ไม่เห็นต้องทำเลย แล้วทำไมพวกเขาต้องทำ?
สรุปง่ายๆคือ หัวหน้ามีทางเลือกสองทาง
1) ปล่อยไว้ไม่ต้องยุ่ง ลูกน้องควรได้ลิขิตชีวิตตัวเอง
2) กระตุ้นให้ขยับ เพื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง จะให้เลือกทางไหน?
ไม่มีคำตอบให้หรอกครับ มีแค่วิธีคิดอีกมุมให้ลองดู
ข้อคิดสำหรับผู้นำสมอง
- หยุดใช้ Work Lens หัวหน้าส่วนมากมักพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยมุมมองด้านงาน เช่น ลูกน้องคนนี้ทำงานได้หรือเปล่า? คำตอบคือ ได้ เผลอๆ ได้ดีเสียด้วย ละเอียดรอบคอบ รวดเร็วว่องไว เพราะมีความชำนาญจากประสบการณ์ที่สะสมมา เข้ากับคนอื่นได้ไหม? คำตอบคือ ได้ ใคร ๆ ก็ชอบพี่เพราะพี่นิสัยดีน่ารัก แต่ได้เฉพาะเรื่องส่วนตัวนะ เพราะเรื่องงานไม่ชอบยุ่งกับใคร ลูกน้องทำงานดีหัวหน้าเลยต้องเกาหัว เพราะ if it isn’t broken why fix it? เกิดไปยุ่งไปแตะ แกลาออกหรือถอดใจขึ้นมาจะซวย
- ลองใช้ Values Lens แทนการดูว่าเขาทำงานได้หรือเปล่า ลองเปลี่ยนมาพิจารณาว่าเขาให้ความสำคัญกับอะไร หรือที่เราเรียกว่า Values เช่น ผมลองให้ผู้จัดการท่านนี้อธิบายว่าทีมต้องการปลูกฝังความสำคัญใดให้กับลูกทีม แกตอบโดยไม่ลังเลว่า Team’s Values = Agility, Openness, and Teamwork คราวนี้ลองเขียนลิสต์ของลูกน้องคนนี้ออกมาบ้าง Subordinate’s Values = Solitude, Certainty, and Harmony ในกรณีนี้หากเอามาเทียบกัน เราจะเห็นว่ามันไปคนละทาง แปลว่าในขณะที่ Work Lens เค้าผ่าน ทำงานได้ แต่ Values Lens เค้าตก เราจะสร้างทีมงานที่มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น กล้าลองผิดลองถูก และทำงานเป็นทีมได้อย่างไร หากมีสมาชิกที่รักสันโดษ ชอบอะไรที่ไม่เสี่ยง และไม่ชอบการเห็นต่าง
- ไม่ต้องชอบแต่ต้องทำ หัวหน้าในโซนเอเชียหลายคนไม่ชอบการฝืนใจลูกน้อง เราถูกปลูกฝังให้เข้าใจว่า การเป็นผู้นำที่ดีคือการดูแลคนในอาณัติให้มีความสุข แต่ความจริงนั่นไม่ใช่นิยามของ Leadership ภาวะผู้นำคือความกล้าหาญในการทำสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่นำไปสู่การพัฒนา สู่อนาคตที่ดีขึ้นต่างหาก “แล้วถ้าเค้าไม่ชอบล่ะครับอาจารย์?” คำตอบของ Brain-BASEd Leadership คือ ไม่ต้องชอบแต่ต้องทำครับ การฝืนให้ลูกน้องเปลี่ยนแปลงไม่ได้ทำเพื่อตัวเขาเองเท่านั้น แต่เพื่อให้หัวหน้าสามารถสร้างทีมที่มี Values ดังต้องการ สามารถรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะมา และสร้างผลงานได้สำเร็จ
ข่าวดีคือ สมองคนเปลี่ยนได้ Belief Action Social Environment (BASE) ของเราสามารถ Shift ได้เสมอ ลูกน้องบางคน หมั่นฝึกฝนการเปลี่ยนแปลงสมองของเขาเองด้วยการหาความท้าทายใหม่ ๆ แต่อีกหลายคนอาจไม่สามารถขยับ BASE ได้ด้วยตัวเอง จึงต้องอาศัยหัวหน้าช่วย
สรุปสั้น ๆ หากลูกน้องไม่ยอมโปรโมท หยุดใช้ Work Lens ในการตัดสินใจ ให้ใช้ Values Lens เพื่อดูว่าเขายังเป็นตัวอย่างที่ ‘รับได้’ ของทีมอยู่หรือเปล่า หากได้ ก็ปล่อยไว้ แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องฝืน
ไม่งั้นได้อาจไม่คุ้มเสียนะครับ!