Bring me solution, not problem!

เมื่อวันก่อนผมไปหาลูกค้าท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรยักษ์ใหญ่ในประเทศไทย พอไปถึง ท่านติดประชุมอยู่ เลขามาเชิญให้ไปนั่งรอที่โต๊ะรับแขกหน้าห้องของผู้บริหารท่านนั้น

 

ระหว่างนั่งรอ กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็เหลือบไปเห็นป้ายขนาดเขื่อง มีข้อความเป็นภาษาอังกฤษขนาดใหญ่พออ่านได้จากระยะไกล ๆ ว่า “IF YOU HAVE NO SOLUTION, YOU ARE NOT WELCOME” (แปลเป็นไทยว่า ถ้าคุณไม่มีคำตอบ  ที่นี่ไม่ต้อนรับ)

 

พอได้พบและพูดคุยกับผู้บริหารท่านนั้นเกี่ยวกับธุระที่ตั้งใจจะมาคุยเสร็จแล้ว จึงเอ่ยปากถามท่านเกี่ยวกับป้ายที่อยู่หน้าห้อง ถึงความหมายและสาเหตุที่ต้องขึ้นป้ายแบบนั้น

 

ท่านเล่าให้ฟังว่า คนในองค์กรมี 2 ประเภท ประเภทแรกมีเยอะแต่องค์กรต้องการน้อย ส่วนอีกประเภทหนึ่งมีน้อยแต่องค์กรต้องการเยอะ

 

ประเภทแรกคือ คนที่ (ท่านพูดเป็นภาษาอังกฤษ ว่า…) Always see problem in every solution แล้วก็อธิบายต่อว่า คนพวกนี้เห็นปัญหาในทุก ๆ ทางออกที่มี ไม่ว่าใครคิดอะไรได้ เสนออะไรมา คนกลุ่มนี้มีความสามารถพิเศษคือ บอกได้ว่าข้อเสนอนั้นไม่ดีตรงไหน ไม่เวิร์คอย่างไร แต่พอถามว่า แล้วมีข้อเสนออะไรที่ดีกว่า กลับตอบว่า “ไม่มี”

 

ส่วนประเภทที่สองคือ คนที่ Always see solution in every problem เป็นพวกที่ไม่ว่ามีปัญหาอะไรเกิด ก็มักมีทางออกหรือทางแก้เสมอ ส่วนจะดีหรือไม่ ใช้ได้หรือเปล่า เป็นอีกเรื่อง เป็นพวกที่พยายามคิดหาทางออกในทุก ปัญหาที่มี

 

ท่านบอกว่า สมัยก่อนตอนที่ยังไม่ได้ติดป้าย ลูกน้องที่เข้ามาหา มักมีแต่ “ปัญหา” มาให้ขบคิดเสมอ พอถามหาทางออกหรือแนวทางแก้ในการปัญหาคืออะไร กลับตอบว่า “ไม่มี” ตอนนี้ต้องการเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานใหม่ อยากให้ทุกคนเข้ามาในห้องแบบ “พกคำตอบมาด้วย” ไม่ใช่มีแต่ปัญหาและคำถาม ส่วนคำตอบที่คิดมา จะถูกหรือผิด จะดีหรือไม่ ไม่เป็นไร ค่อยๆ คุยกันไป แต่ไม่ใช่มาแบบ “แบะ แบะ” … คือเป็นใบ้ ถามอะไรไม่รู้สักอย่าง พูดเป็นอย่างเดียวคือ “เรามีปัญหา”

 

ผมถามว่าหลังจากติดป้ายแล้ว ได้ผลไหม ท่านตอบว่า ได้ผลทันที คือ ลูกน้องไม่เข้ามาหาเลย … 555

 

“แล้วท่านทำยังไง” ผมถาม

 

“ผมก็เรียกให้เข้ามาพบซิ” แล้วท่านก็อธิบายต่อว่า ใหม่ๆ คนก็กลัว ไม่ชอบ เอาไปด่าทั่วไป “แต่ผมไม่แคร์” ท่านบอก

 

ท่านสอนว่า หัวหน้ามีหน้าที่  2 อย่าง หนึ่ง ช่วยลูกน้องคิด สอง ชวนลูกน้องคิด

 

ช่วยคิด คือให้คำตอบ เหมาะสำหรับกรณีโจทย์ยากๆ เกินความสามารถลูกน้อง หรือมีความเสี่ยงสูง มีโอกาสผิดพลาดได้ง่ายและผลกระทบหรือความเสียหายรุนแรง แบบนี้เราอาจต้องช่วยลูกน้องคิดและตัดสินใจ

 

ส่วนชวนคิด คือ การตั้งคำถามโดยไม่ให้คำตอบ อยากฝึกให้คิดหาคำตอบด้วยตนเอง เหมาะสำหรับกรณีที่เรื่องนั้นพอมีเวลาเป็นปัญหาที่ไม่มีคำตอบถูกผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ จำเป็นต้องใช้วิจารณญาณในการคิดและตัดสินใจ

 

หัวหน้าต้องเข้าใจว่ากรณีไหนควรช่วยคิด และกรณีไหนควรชวนคิด ใหม่ๆ ลูกน้องอาจไม่คุ้นชินกับการถูกตั้งคำถาม แทนที่จะได้คำตอบเมื่อมีปัญหามาปรึกษา แต่เมื่อผ่านไปสักระยะ ก็พอปรับตัวได้เหมือนอย่างผู้บริหารท่านนี้เล่าให้ผมฟังต่อว่า “เดี๋ยวนี้ เริ่มคุ้นชิน เข้ามาทุกครั้ง ต้องคิดหาคำตอบอะไรล่วงหน้าสักอย่าง ถูกผิดไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน ขอให้คิดเป็นสำคัญ”

 

ผมว่าแปลกดี แต่เป็นวิธีที่ได้ผล! เลยเอามาเล่าให้ฟัง เป็นอาหารสมองให้คิดต่อยอดต่อไป

Ready to start your Leadership Journey?