OSI หรือ Open Source Innovation คือนวัตกรรมแห่งยุคศตวรรษที่ 21 วันนี้ผมจะเล่าให้ฟังว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

“Ready for takeoff” กัปตันชุน บยุน อิง แห่ง Korean Air flight 007 กล่าวกับหอบังคับการบิน เครื่องจัมโบ้ 747 กำลังจะออกเดินทางจากอลาสก้าไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

 

ไม่มีใครรู้ว่านั่นคือไฟล์ทสุดท้ายของเครื่องบินลำนี้ และชั่วโมงสุดท้ายของทั้งลูกเรือกับผู้โดยสาร 269 ชึวิต

 

“ยิงเตือนก่อน!” นักบินในเครื่อง Su-15 กดสาดกระสุนไปสี่ชุดประมาณสองร้อยนัด โดยหวังให้เครื่องบินพาณิชย์ลำยักษ์เห็นว่ากำลังถูกติดตาม

 

แต่ไร้ผล ผู้บุกรุกยังมุ่งตรงต่อไปตามเข็มเดิม ไม่รู้ว่าเพราะมองไม่เห็นหรือมีปฏิบัติการอื่นกันแน่

 

“ยิงทำลายได้!” คราวนี้คำสั่งจากกองทัพให้จัดการขั้นเด็ดขาด ผู้อยู่ในเครื่องแบบทหารโซเวียดกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ก่อนเล็งยิงไปที่แพนหางของเป้าตรงหน้า กลั้นใจแล้วกระดิกนิ้ว

 

“เป้าหมายถูกทำลายเรียบร้อย” คือคำรายงานสุดท้าย ก่อนเครื่องบินรบทั้งสามจะแยกหมู่แล้วย้อนกลับฐานทัพที่เกาะคัมชัคก้า

 

Korean Air Boeing 747-230B พร้อมผู้โดยสารเกือบสามร้อยชีวิตใช้เวลากว่า 12 นาทีกระเสือกกระสนประคองตัวเองไม่ให้ตก และมีบางช่วงที่ดูเหมือนจะกลับมาบินรักษาระดับได้ แต่สุดท้าย ความเสียหายอันเกิดขึ้นกับโครงสร้างและระบบไฮโดรลิคนั้นมากเกินจะบินต่อไปได้

 

ไฟล์ท 007 ตกสู่ทะเลใกล้กับเกาะซัคคาลิน ทั้ง 269 ชีวิตไม่มีผู้ใดรอด

 

ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับนวัตกรรมในยุค 21^st Century หรือ Open Source Innovation อย่างไร?

 

สาเหตุที่เครื่องบินพาณิชย์ถูกยิงตกในคืนนั้น เป็นเพราะกัปตันไม่รู้ว่าตัวเองได้บินรุกล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของโซเวียต เขาไม่รู้แน่ชัดว่าเครื่องกำลังบินอยู่ที่ไหน หลังจากโศกนาตกรรมครั้งนี้  ประธานาธิบดีโรนัล เรแกนแห่งสหรัฐฯ จึงตัดสินใจเปิดเสรีเทคโนโลยี Global Positioning System หรือที่เรารู้จักกันว่า GPS ให้ประชนชาชนเข้าถึงได้โดยอิสระ

 

ในปี 1996 ประธานาธิบดีคลินตัน ขยายความละเอียดของระยะ GPS ที่เปิดเสรีเป็น 20 เมตร (จากเดิม 100 เมตร) และหลังจากปี 2007 ทุกคนบนโลกสามารถรู้ว่าตนเองอยู่ตรงไหนในระยะเพียงไม่กี่เมตร

 

ข้อคิดของผู้นำสมอง

1. GPS คือกุญแจสู่ Open Source Era ลองมองไปรอบ ๆสิครับ คุณผู้อ่านจะพบว่า GPS มีบทบาทขนาดไหนในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เช้านี้ผมจะส่งลูกสาวไป play date กับเพื่อน เปิดกูเกิ้ลแมพขึ้นมาเพื่อดูว่าที่ๆจะต้องไปส่งนั้นอยู่ที่ไหน จะใช้เวลาเท่าใดในการเดินทาง ภรรยาถามว่าแล้วเที่ยงจะกินอะไร? ผมก็กดเสิร์ชหาร้านอาหารใกล้เคียง กดดูรีวิวว่าร้านไหนเข้าท่า พร้อมปรับเส้นทางการเดินทางใหม่ให้เพิ่มจุดแวะ อ้อ ต้องเติมน้ำมันด้วย ก็กดปุ่มหาว่ามีปั้มแถวไหนที่บัตรเครดิตให้ส่วนลด ทั้งหมดนี้จะเกิดไม่ได้ถ้าไม่มี GPS
2. GPS เปิดประตูสู่นวัตกรรมแบบใหม่ Robin Chase ผู้เขียนหนังสือ Peers Inc: How People and Platforms Are Inventing the Collaborative Economy and Reinventing Capitalism เล่าถึงจุดกำเนิด GPS ว่า หากไม่มีเหตุการณ์นั้น เธอคงไม่สามารถทำความฝันของเธอให้คนแชร์การใช้รถด้วยระบบ Zipcar ได้ “คุณไม่จำเป็นต้องมีรถเพียงคันเดียวและใช้ชีวิตในสังคมเดียวอีกต่อไป หากคุณรู้ว่าเช้าจะไปชิคาโก คุณสามารถจองรถ BMW รุ่นล่าสุดเพื่อใช้สองสามชั่วโมงวันนั้น ตกกลางคืนบินต่อไปนิวยอร์ค อยากจะเปลี่ยนไปใช้ซีวิคไฮบริดเพื่อความประหยัดและคล่องตัวก็ได้” ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะทั้งบริษัทและลูกค้าสามารถรู้ว่ารถอยู่ที่ไหนแบบเรียลไทม์
3. GPS เอามาใช้กับคุณได้อย่างไร? นวัตกรรมไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยากและซับซ้อนอีกต่อไป Open Source Innovation คือการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว(และฟรี)อย่าง GPS เพื่อเอื้อให้มนุษย์แชร์ resource ระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นที่ Iclif เวลาเรารันกิจกรรม Orienteering เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโปรแกรมมีโอกาสรู้จักกับประเทศและวัฒนธรรมใหม่ๆ หากเป็นเมื่อก่อน เราต้องหาแผนที่ จัดตารางวางแผน เตรียมตัวออกไปสำรวจล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ แต่ด้วย GPS ไม่ว่าจะเป็น เนปิดอว์ในพม่า พูเน่ในอินเดีย พอร์ทโมสบี้ในปาปัวนิวกินี หรือกระทั่งมองโกเลีย เราสามารถสร้างประสบการณ์ดีๆได้โดยสะดวกด้วย iPad เพียงไม่กี่เครื่อง

Korean Air flight 007 และการเปิดเสรี GPS ที่ตามมา เป็นจุดกำเนิดยุคแห่งนวัตกรรมแบบเสรี Open Source Innovation ยุคที่ใครๆก็สามารถเป็นนวัตกรได้

สิ้นปีนี้ ผมจะพากลุ่มผู้นำในองค์กรต่างๆไปหลักสูตร Open Source Innovator ที่บาหลี อินโดนีเซีย เพื่อจุดประกายให้บุคลากรเหล่านี้กลับมาเป็น Innovator ขององค์กร

ใครสนใจอยากไปด้วยกันบอกได้นะครับ!