3 ข้อคิดสำหรับคนทำงานจาก ‘บาร์บี้’

ช่วงนี้ก็จะถึงอีกวันสำคัญคนไทย นั่นคือ วันแม่แห่งชาติ วันนี้เลยขอคุยเกี่ยวกับผู้หญิง ตอนนี้ภาพยนตร์เกี่ยวกับผู้หญิงสุดฮิตที่พูดถึงกันมากที่สุดคงไม่พ้นเรื่องบาร์บี้ ส่วนตัวได้ไปดูกับลูกสาวทั้งสองคน เราสามคนต่างก็ได้ข้อคิดต่างกันตามอายุ มุมมองและประสบการณ์ที่มี แต่พวกเราเห็นตรงกันถึงพลังของผู้หญิงที่มีเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ทั้งหมดของเราในโลกใบนี้…โลกที่ไม่ได้เป็นสีชมพู

 

สำหรับดิฉันเองก็ได้ข้อคิดมากมายในฐานะคนทำงาน วันนี้ขอดึงมา 3 ข้อคิดสำหรับคนทำงาน

 

1.ความยากลำบากไม่เลวร้ายเสมอไป

ช่วงเริ่มต้นเราได้เห็นสังคมของบาร์บี้ ทุกคนไม่ต้องเครียด ไม่ต้องนึกถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลง ใช้ชีวิต routine มีความสุขแบบไร้กังวล จุดเปลี่ยนของบาร์บี้คือการตื่นมาแล้วตั้งคำถามกับตัวเอง ทั้งเรื่องความตาย กลิ่นปาก รูปเท้าที่เปลี่ยนไป และเซลลูไลท์ที่ขา สิ่งเหล่านี้คือความเป็นจริงของโลกมนุษย์ โลกที่ไม่มีอะไรแน่นอน บาร์บี้จึงมี 2 ทางเลือกว่าจะปิดหูปิดตาเอนจอยกับชีวิตตุ๊กตาแบบเดิมต่อไป หรือจะตัดสินใจทิ้งชีวิตที่แสนสุขสบายในบาร์บี้แลนด์ไปเปิดหูเปิดตาในดินแดนที่ไม่รู้จักเพื่อไปหาคำตอบให้ชีวิต และนั่นคือ การลุกออกจากคอมฟอร์ทโซน!  ทั้งหมดนี้เธอต้องดึงความกล้าเพื่อตามหาสิ่งที่เธอเองก็ยังไม่รู้  แต่บาร์บี้เรียนรู้ว่าความยากลำบากก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป กลับดีที่จะได้เห็นโอกาสหรือทางเลือกอื่น ๆ ที่ชีวิตมอบให้   

 

สำหรับคนทำงานอย่างเรา การออกจากเขตความสะดวกสบายในธุรกิจหรืองานที่ทำอยู่ อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็อาจนำไปสู่โอกาสในการเติบโตและความสำเร็จได้เช่นกัน อย่าลืมว่าการออกจากพื้นที่สบายไม่ได้หมายถึงการเสี่ยงโดยขาดความรับผิดชอบ แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และความกล้าหาญที่สามารถนำไปสู่การเติบโตและการพัฒนาของธุรกิจและตัวตนของเรา

 

2.อย่าปล่อยให้ใครกำหนดความเป็นตัวเรา

หนึ่งในบทเรียนที่ทรงพลังที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากทุกตัวละคร เคนในวัฒนธรรมของผู้หญิง ก็ถูกกำหนดชุดของพฤติกรรมทั้งหมดให้มีชีวิตอยู่เพื่อตุ๊กตาบาร์บี้  และเคนก็ดูน่าสงสารเหลือเกิน บทเรียนที่เคนให้กับพวกเราคือ เราไม่สามารถหาความรักหรือความสมหวังได้จริง ๆ จนกว่าเราจะค้นพบตัวเอง

 

สำหรับมนุษย์ทุกคน การตระหนักว่าตัวเองมีค่ามากพอที่จะบรรลุสิ่งที่เราอยากเป็นในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ และหากวันนี้เรายังไม่แน่ใจว่าเราเป็นใครและกำลังจะไปที่ไหน จงยอมรับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ขอเพียงเราเต็มใจที่จะใช้เวลาเพื่อค้นหามัน  เราไม่จำเป็นต้องลาออกหรือขอหยุดงานเพื่อไปค้นหาตัวเอง ทัศนคติต่อตัวเองและงานที่ทำอยู่เป็นสิ่งสำคัญ การเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในธุรกิจ เชื่อมั่นในงานที่รับผิดชอบอยู่ จะช่วยให้เราเต็มใจที่จะเสี่ยงเพื่อเผชิญความท้าทายมากขึ้น มันจะทำให้เราได้เรียนรู้และค้นพบว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการและทำให้ผู้อื่นเชื่อในสิ่งที่เราทำ


3.เอาตัวเองออกมานอกกล่อง

สังคมบาร์บี้แลนด์ได้กำหนดชุดค่านิยมว่า อะไรเรียกว่าสวย อะไรเรียกดี จนเมื่อบาร์บี้เข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉากที่เธอนั่งข้าง ๆ คุณยายคนหนึ่ง และค้นพบว่าโลกแห่งความเป็นจริงก็มีความสวยงามในรูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นพิมพ์นิยมแบบในบาร์บี้แลนด์ แม้ฉากหนึ่งในภาพยนตร์ที่มีกลุ่มคนที่พยายามที่จะโน้มน้าวให้เธอกลับเข้าไปในกล่องตุ๊กตาบาร์บี้ของเธอ หนังเตือนเราว่าสังคมจะพยายามจับเราให้เข้าไปอยู่ในกล่องที่มีป้ายชื่อชุดค่านิยมและเราไม่ควรเดินเข้าไปในกล่องนั้นด้วยความเต็มใจ

 

เพราะโลกแห่งความเป็นจริง ความสวย ความดี ความสำเร็จไม่ได้มีสูตรสำเร็จ ความสวยงามที่แท้จริงมากจากการประสานความหลากหลายและการอยู่ร่วมกัน หนึ่งในบทเรียนความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มอบให้เราคือการเห็นคุณค่าของความไม่เหมือนกัน ผู้นำที่ยิ่งใหญ่เข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ผู้นำที่สามารถรวมผู้คนเข้าด้วยกันและเห็นคุณค่าในการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและมุมมองที่ไม่เหมือนกันให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน  สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความสำเร็จ สามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจที่ให้คุณค่ากับความคิดและมุมมองที่แตกต่างกัน

 

ภาพยนตร์บาร์บี้แสดงให้เราเห็นโลกที่ผู้หญิงมีพลังที่ได้มาจากความเมตตา ความสามัคคี และการตระหนักรู้ในตนเอง  เธอไม่ได้พูดว่าโลกแห่งความจริงง่าย แต่การเรียนรู้ความยากลำบากก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เฉกเช่นชีวิตมนุษย์ที่เราไม่สามารถหวังว่าจะได้อยู่ในบาร์บี้แลนด์โดยไม่ได้เข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงเป็นอย่างไรและลงมือสร้างมันขึ้นมา

 

 

 

Ready to start your Leadership Journey?