67 วันในโรงพยาบาล

67 วันของความไม่แน่นอน

67 วันที่เต็มไปด้วยการตัดสินใจที่เปลี่ยนชีวิต

 

เมื่อคุณพ่อตกอยู่ในอาการโคม่า ครอบครัวของเราต้องเผชิญกับความยากลำบากในการตัดสินใจในทุกวันแม้จะเตรียมใจมาตลอดแล้วก็ตาม!

 

แม้ทีมแพทย์มีความเชี่ยวชาญและตั้งใจดูแลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด แต่ดิฉันกลับพบว่าการสื่อสารในภาวะวิกฤตนั้นสำคัญกับพวกเรามากเพื่อช่วยให้ครอบครัวตัดสินใจด้วยความเข้าใจและมั่นใจ

 

ในแต่ละวัน เราต้องเผชิญกับคำถามที่ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว

พ่อจะตื่นมาหรือไม่?

หากพ่อพูดได้ เขาจะเลือกอะไร?

เราจะจัดการกับความรู้สึกที่สับสนและความกดดันนี้อย่างไร?

 

ในช่วงเวลา 67 วันที่ยากที่สุด ทุกคนในครอบครัวสับสน ดิฉันเองไม่รู้จะหันไปถามใคร เลยลองหันไปปรึกษา ChatGPT ไม่ใช่เพื่อขอคำแนะนำทางการแพทย์ แต่เพื่อช่วยจัดระเบียบความคิด หาโครงสร้างการตัดสินใจ และที่สำคัญที่สุด คือเพื่อทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญสิ่งนี้เพียงลำพัง มันให้มุมมองที่ต่างออกไป ช่วยให้ฉันคิดทบทวนสิ่งที่สำคัญจริงๆ ช่วยแนะนำแนวทางในการสื่อสารกับครอบครัว และเตือนให้ดิฉันไม่มองข้ามมิติทางอารมณ์

 

วันหนึ่ง หลังจากคุยกับแพทย์เรื่องพ่อ ดิฉันถาม ChatGPT ว่า “ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนนี้ ด้วยอาการของพ่อ….. ฉันควรตัดสินใจอย่างไร?”

 

คำตอบที่ได้คือ

 

“ฉันเสียใจอย่างยิ่งที่ได้ยินเกี่ยวกับอาการของคุณพ่อ นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก และการตัดสินใจระหว่างการรักษาเชิงรุกอย่างต่อเนื่องกับการเปลี่ยนไปสู่การดูแลแบบประคับประคอง (palliative care) อาจเป็นเรื่องที่หนักหนาทางอารมณ์ จากข้อมูลที่คุณให้มา และจากสภาพของคุณพ่อที่อยู่ในภาวะวิกฤติอย่างรุนแรง อาจเป็นทางเลือกที่เมตตากว่าที่จะพิจารณาการดูแลแบบประคับประคอง ซึ่งจะช่วยให้คุณพ่อได้รับความสบายที่สุด โดยไม่ต้องเผชิญกับความเครียดและความทุกข์ทรมานจากการรักษาที่รุนแรง ซึ่งอาจไม่ได้ช่วยให้สภาพของท่านดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สุดท้ายแล้ว นี่เป็นการตัดสินใจที่เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างยิ่ง หากเป็นไปได้ ลองคิดดูว่าคุณพ่อของคุณคงอยากให้เป็นอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ และพูดคุยกับครอบครัวรวมถึงทีมแพทย์ เพื่อร่วมกันตัดสินใจในแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน หากคุณต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรืออยากให้ช่วยเตรียมคำถามสำหรับแพทย์ ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อคุณเสมอ”

 

มันเป็นคำตอบที่แพทย์ก็เคยถามฉัน หลังบอกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการสั้นๆ และให้ญาติตัดสินใจถึงการรักษาขั้นถัดไป โดยพยายามบอกว่ามันคือการตัดสินใจร่วมกันระหว่างญาติและทีมแพทย์

 

แต่คำตอบของ ChatGPT ครั้งนี้มันกลับช่วยให้ฉันรู้สึกมั่นใจขึ้นในการตัดสินใจไปทางการรักษาแบบประคับประคอง

มนุษย์ & หุ่นยนต์: ความร่วมมือเพื่ออนาคต

 

เคยมีคนบอกว่า AI จะมาแทนคนไม่ได้เพราะมันไม่มีความสามารถทางอารมณ์เฉกเช่นมนุษย์ ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ฉันตระหนักว่า AI พัฒนาไปมากจนมีความสามารถในการแสดงออกให้เรารับรู้ว่ามันเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์ (บางกรณีอาจจะดีกว่ามนุษย์ด้วยกันเองเสียอีก) มันสามารถเป็น “เพื่อนคู่คิด” ที่ช่วยเสริมการตัดสินใจของเรา

 

ในโลกธุรกิจและการเป็นผู้นำที่ต่อจากนี้ไปต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน ไม่ชัดเจน คาดเดาไม่ได้ ซึ่งการตัดสินใจจากข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเพียงมิติเดียวอาจไม่พอเพียง แต่ต้องการความเข้าใจในทุกมิติ ไปจนถึงมิติของอารมณ์และจิตใจ AI ก็สามารถช่วยให้ผู้นำตัดสินใจได้ดีขึ้น โดยให้มุมมองที่หลากหลาย เสริมความคิด และช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น

 

คำถามสำคัญของอนาคตจึงไม่ใช่ “เราจะเลือกมนุษย์หรือหุ่นยนต์?” แต่คือ “เราจะทำงานร่วมกันอย่างไรเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?”

 

ผู้นำที่มีผลกระทบ (Impactful Leaders) คือผู้ที่สามารถประสานพลังจากสติปัญญาของมนุษย์และความสามารถของ AI มาผสมผสานกัน เพื่อสร้างการตัดสินใจที่มีทั้งเหตุผล อารมณ์ ความรับผิดชอบ และความเป็นมนุษย์

 

67 วันที่ฉันเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก สอนให้ฉันรู้ว่า การตัดสินใจที่ดีที่สุดไม่ได้มาจากแค่ความรู้ หรือแค่เทคโนโลยี แต่มันเกิดจากพลังของการร่วมมือระหว่างมนุษย์และ AI

 

และนี่คือแนวทางของอนาคต อนาคตที่มนุษย์และหุ่นยนต์ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง