ทำไมโลกนี้ต้องมีผู้นำเชิงบวก
ทำไมโลกนี้ต้องมีผู้นำเชิงบวก
ในช่วงนี้คงไม่มีใครไม่ได้ยินข่าวคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานครคนใหม่ ที่ชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ชนิดที่เรียกว่า “เขียวทั่วกรุง”
คุณชัชชาติ เป็นตัวอย่างของความเป็นผู้นำเชิงบวก (Positive Leadership) เริ่มตั้งแต่การหาเสียงที่เน้นการคิคถึงส่วนรวม เป็นมิตรกับธรรมชาติ และรักษาสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น เอกสารชี้แจงโยบาย ที่มีคำอธิบายเพิ่มเติมถึงการนำมารีไซเคิลต่อแบบไม่ต้องทิ้งเปล่าหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ป้ายหาเสียงที่มีขนาดใกล้เคียงกับเสาไฟฟ้า ไม่เกะกะรกหูรกตา และบดบังทัศนียภาพในการสัญจรของประชาชน
ระหว่างการหาเสียง ก็เลือกที่จะเดินและใช้รถจักรยานมากกว่ารถยนต์ ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายเหมือนคนธรรมดา ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ไม่ต้องมีคนติดตามเป็นขบวน ชาวบ้านฝากเรื่องร้องเรียนก็รับไว้และให้กำลังใจ
เขาเป็นคนมองเห็นข้อดีก่อนข้อเสียเสมอ วันหนึ่งลงพื้นที่และได้คุยกับเด็กนักเรียน เลยถือโอกาสสนทนาด้วย
“ตอนเรียนตั้งใจไหม” ว่าที่ผู้ว่าฯ เริ่มการสนทนา
“ไม่ค่อยตั้งใจครับ” นักเรียนตอบ
“น้องคนนี้มีความซื่อสัตย์นะ” ว่าที่ผู้ว่าฯ หันมาบอกผู้สื่อข่าว
“ดีมากๆ” แล้วหันกลับไปตอบเด็กนักเรียนคนนั้น
ถ้าไม่ได้มีความคิดบวกเป็นพื้นฐาน ตอบแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ เพราะคิดไม่ทัน !
ลองมาคิดดูว่า ถ้าองค์กรมีผู้นำที่เต็มไปด้วยทัศนคติเชิงบวก ไม่ใช้อำนาจสร้างความหวาดกลัว แต่ให้ความเข้าใจเป็นจุดเริ่มต้น มองคนที่คิดต่างในทางสร้างสรรค์ เห็นสิ่งดีๆ ของแต่ละคนและพร้อมที่จะดึงศักยภาพเหล่านั้นออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จะดีเพียงใด ?
เมื่อผู้นำเป็นแบบอย่างที่ดี ก็พร้อมจะมีคนทำตาม คุณชัชชาติเป็นคนมีวินัย นอนไว ตื่นเช้า รักษาสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เชื่อไหมว่าอีกไม่นาน พฤติกรรมเหล่านี้จะกลายเป็นกระแสในสังคม
นี่แหละคือการเป็นผู้นำแบบไม่ต้องใช้อำนาจ แต่มีคนพร้อมจะทำตาม — Leading by Example
อยากให้ประเทศไทย มีผู้นำแบบนี้ด้วยจังเลย … ผมฝันไปใช่ไหม ?
อย่าลืมกดติดตาม LINE OA : Leadership Hacks สำหรับข่าวสารและอาหารสมองดี