ไม่อยากโต ไม่อยากเป็นผู้นำ
หลายคนที่ทำงานมานานก็เคยรู้สึกแบบเดียวกัน แค่สมัยก่อนเราไม่ได้มีภาพตัวอย่างความสำเร็จในรูปแบบอื่นมากนัก เมื่อก่อน ถ้าอยากสำเร็จในชีวิต ก็มักจะต้องไต่ระดับ เติบโตในตำแหน่ง เราเติบโตมาในยุคของคำว่า Career Path แต่ทุกวันนี้ โลกเปลี่ยนไป คอนเทนต์ในโซเชียลมีเดีย มีแพลตฟอร์มที่เปิดให้เห็นว่าคนธรรมดาก็สร้างความสำเร็จในแบบของตัวเองได้ บางคนเปิดร้านขายขนมเล็กๆ แต่ทำด้วยใจ เต็มที่กับทุกชิ้นก็กลายเป็นเจ้าของแบรนด์ที่เติบโต แถมมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
อยากอยู่ที่เดิม ไม่ผิด แต่ต้องเก่งให้สุด
ถ้าคุณไม่อยากโตในสายงาน หรือไม่อยากเป็นหัวหน้า ก็ไม่เป็นไรเลย แต่สิ่งที่คุณต้องมีคือ จุดแข็งหรือความเก่งแบบไม่มีใครแทนคุณได้
ฝรั่งเขาบอกว่า Life is too short to do the things you don’t love doing หรือ ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะทำสิ่งที่คุณไม่รัก หลายคนเข้าใจผิดว่าสิ่งที่รักหรือ Passion คือจุดแข็ง
จุดแข็งคือ สิ่งที่คุณเก่งเป็นพิเศษจนคนอื่นยอมรับว่าโดดเด่น แม้ Passion กับจุดแข็งจะมีความสัมพันธ์กัน แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกันยุคนี้คนธรรมดาอยู่ยาก เพราะ AI เก่งขึ้น คนทั่วโลกเข้าถึงงานเดียวกัน องค์กรก็ต้องการคนที่ใช่จริงๆ ถ้าคุณจะเป็นเบเกอรี่เล็กๆ ก็ต้องอร่อยไม่เหมือนใคร ถ้าคุณจะเป็นช่างภาพ ก็ต้องมีมุมมองที่คนอื่นถ่ายยังไงก็ไม่เหมือน ถ้าคุณจะอยู่ในทีมแบบไม่เป็นหัวหน้า คุณต้องเป็นคนที่ใคร ๆ ขาดไม่ได้ในสิ่งที่คุณทำหรือคุณค่าที่คุณมี
เก่งเรื่องเดียว ก็ทำให้คุณมีคุณค่าได้
Zenger & Folkman สถาบันวิจัยด้านภาวะผู้นำในสหรัฐอเมริกา บอกว่าถ้าคุณมีจุดแข็งโดดเด่นเพียงเรื่องเดียว
ก็สามารถมีประสิทธิภาพในการเป็นผู้นำสูงถึง 65% หากมีจุดแข็ที่โดดเด่น 3 ด้าน ก็สามารถมีประสิทธิภาพในการเป็นผู้นำสูงถึง 80%
ดังนั้นไม่ต้องเก่งไปหมดทุกอย่าง แต่ต้องเก่งในบางด้านให้ถึงระดับ “ตัวจริง” เพื่อสร้างความแตกต่าง
การทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ ไม่ทำให้คุณเก่งขึ้น
การพัฒนาความสามารถไม่ได้เกิดจากการทำสิ่งเดิมมากขึ้นเสมอไป เหมือนนักวิ่งที่ไม่ได้เก่งขึ้นจากการวิ่งเพิ่มระยะทางอย่างเดียว แต่ต้องฝึกทักษะเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องเช่น ว่ายน้ำหรือเวทเทรนนิ่ง เพื่อพัฒนาศักยภาพโดยรวม
ความสำเร็จก็ไม่มีแบบเดียวอีกต่อไป คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “จะโตเป็นหัวหน้าดีไหม?” แต่คือ คุณรู้จุดแข็งของตัวเองหรือไม่? และจะพัฒนามันให้ลึกจนแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร? จนไม่มีใครสามารถแทนคุณได้