หน้าที่ของหัวหน้าในการพัฒนาทีมงาน

หัวหน้างานหลายคน คิดว่าการพัฒนาพนักงานเป็นหน้าที่ของ HR ที่ต้องจัดการอบรมสัมมนาให้

แต่เชื่อไหมครับว่า การอบรม (Training) กับการพัฒนา (Development) แม้จะฟังดูคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน !

คนหลายคนเข้ารับการอบรม แต่ไม่เห็นว่ามีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

ในทางกลับกัน คนอีกหลายๆ คน มีพัฒนาการในการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องเข้าอบรม

ดังนั้น “การอบรม” จึงไม่เท่ากับ “การพัฒนา”

คนเราพัฒนาได้อีกหลากหลายวิธีที่ไม่ใช่การอบรม และที่สำคัญหัวหน้าโดยตรงสามารถช่วยพัฒนาลูกน้องได้ โดยไม่ต้องอาศัยการอบรมที่ HR หรือองค์กรจัดให้ เพียงอย่างเดียว

วันนี้มีแนวทางอย่างน้อย 4 วิธีในการที่หัวหน้าจะใช้พัฒนาลูกน้อง มาฝาก

1. OJT (On the job training) : การเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง ข้อดีคือ ได้ลงมือทำจริง ในสนามจริง ประสบการณ์จริง ข้อเสียคือ อาจมีความเสี่ยงหากผิดพลาด ดังนั้นจึงควรใช้กับงานที่มีความเสี่ยงไม่มากหรือต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด

2. Project Assignment – การให้ทำงานโปรเจค เป็นการสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ ฝึกความรับผิดชอบในการทำงาน ฝึกการทำงานเป็นทีม และฝีกการบริหารคน ข้อดีคือได้มีโอกาสเรียนรู้หลายอย่าง นอกจากบริหารงานแล้วยังได้ทำงานและบริหารคนด้วย ข้อเสียคืออาจหาโปรเจคที่เหมาะสมให้ไม่ได้หรืองานโปรเจคบางอย่างต้องใช้เวลานาน

3. Acting – การมอบหมายให้รับผิดชอบแทน ยกตัวอย่างเช่น หัวหน้างานต้องลาไปทำธุระ ในระหว่างที่ไม่อยู่ อาจมอบหมายให้ลูกน้องรับผิดชอบงานแทนเป็นระยะเวลาสั้นๆ ข้อดีคือได้มีโอกาสฝึกตัดสินใจและรับผิดชอบงานในระดับที่สูงขึ้น ข้อเสียคือระยะเวลาอาจจะสั้นเกินไปและขาดความต่อเนื่อง

4. Coaching หรือ Mentoring – การโค้ชหรือการเป็นพี่เลี้ยง เป็นการพัฒนาเรื่องบางเรื่องหรือทักษะบางทักษะผ่านการสอนแบบตัวต่อตัว ข้อดีคือสามารถตัดเย็บเนื้อหาและสิ่งที่ต้องการพัฒนาให้เหมาะสมกับพนักงานแต่ละคนได้ ข้อเสียคือต้องใช้เวลาจากหัวหน้างานค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีลูกน้องหลายคน

ดังนั้นจึงต้องลองวิธีการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่หัวใจสำคัญคือต้องไม่ลืมว่าการพัฒนาลูกน้อง เป็นหน้าที่หนึ่งของหัวหน้าทุกคน

Ready to start your Leadership Journey?