ทำไมต้องสู้วะ

นับเป็นข่าวเศร้าสำหรับใครที่ติดตามคุณหมอกฤตไท เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ” กับเส้นทางการต่อสู้มะเร็งปอดที่ได้จากอย่างไปอย่างสงบเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

สำหรับดิฉันเองก็เป็นแฟนเพจของคุณหมอตั้งแต่วันแรก ตลอดทั้งปีก็จะรอคอยเมื่อไหร่คุณหมอจะโพสต์อัพเดทอาการ นอกจากคอยส่งกำลังใจช่วยแล้ว ต้องบอกเลยว่าทุกโพสต์ของคุณหมอ มันคือความหวังและแรงบันดาลใจ   

เคยได้ยินมาว่าคนเรามักจะอินกับเรื่องที่เรากำลังสนใจ หรือเคยอยู่ในสถานการณ์นั้น หรือมีประสบการณ์อะไรมาบ้าง แต่เรื่องราวของคุณหมอส่งต่อพลังให้ผู้คนในสังคมที่แม้จะไม่เคยสนใจเกี่ยวกับมะเร็งหรือไม่เคยอยู่ในสถานการณ์เจ็บป่วยแบบนี้มาก่อน ในฐานะคนทำงานที่มีชีวิตปกติที่ เจอสุขบ้างทุกข์บ้าง ก็ยังสามารถนำข้อคิดไปต่อสู้กับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างมีพลัง

ก่อนคุณหมอจากไปเพียงสัปดาห์เดียว ดิฉันได้มีโอกาสอ่านหนังสือสู้ดิวะของคุณหมอ ทุกคำ ทุกบรรทัด ทุกหน้าที่ได้อ่าน มันมีคำถามเกิดขึ้นในหัวเป็นระยะว่า ทำไมต้องสู้วะ?   

เช่นเดียวกันในทุกช่วงของชีวิต คงมีหลายครั้งที่เราต้องเจอกับความยาก อุปสรรค งานเข้า และคนรอบตัวก็มักจะบอกให้เราสู้สู้นะ จนเกิดคำถามผุดขึ้นมาในหัวบ่อย ๆ ว่าทำไม่ต้องสู้วะ

วันนี้ขอสรุปข้อคิด 7 ข้อ จากหนังสือสู้ดิวะกับเหตุผลของการต่อสู้ทั้งกับเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ทั้งกับชีวิตงานและชีวิตส่วนตัวเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนค่ะ

  • เรื่องจริงที่ยิ่งใหญ่แต่เรียบง่ายคือ “เรามีเวลาจำกัด” คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็มีเวลาเท่าเรา
  • จำไว้เราไม่ได้มีเวลามากพอจะไปทำหรือมีทุกอย่างในโลก เราต้องเลือกบางสิ่งและยอมสละหลายสิ่งที่เราไม่ได้เลือกไปเสมอ ดังนั้นสิ่งที่เราเลือกจึงเป็นสิ่งที่พิเศษและสำคัญเสมอ
  • เวลาเรามีน้อยเกินกว่าจะไปทำตัวไม่น่ารักใส่กัน แค่สร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำก็มีเวลาไม่พอแล้ว
  • หมั่นดูแลสุขภาพกาย คนเป็นจำนวนมากบ่นว่ามันยากแค่ไหนที่จะไปออกกำลังกาย ให้ตายเถอะเราควรดีใจที่ยังไปออกกำลังกายได้ ออกไปดูแลสุขภาพของตนเองในตอนที่ยังทำได้ แม้ว่ารูปร่างของเรายังไม่ใช่แบบที่เราต้องการ แต่การออกกำลังกายและกินอาหารที่เป็นประโยชน์มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราควรทำจริง ๆ
  • ห้ามหลงลืมสุขภาพใจ หาเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ให้เจอ เหตุผลนี้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มันมีพลังพอที่จะช่วยให้เราอดทนต่อสู้กับทุกอย่างที่เข้ามาในวันที่แย่ แล้วเราจะได้ตำตอบเองว่าสู้ไปทำไม
  • ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีเรื่องบังเอิญ จะดีจะเลวมันมีเหตุผลของมัน เลิกโทษโชคชะตา โทษคนอื่น แล้วคิดใหม่ว่าจะเอาสิ่งที่มันเข้ามาในชีวิตไปทำประโยชน์อย่างไร เรียนรู้จากมันอย่างไร ทุกสิ่งจะกลายเป็นของขวัญของเรา
  • จงขอบคุณชีวิตอันแสนปกติ มันคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ใช้มันให้เต็มที่กับทุกวันที่โลกนี้มอบให้กับเรา กลับมาดื่มด่ำมีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กับคนที่อยู่ตรงหน้าแทนการยกมือถือถ่ายภาพเก็บไว้ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าพรุ่งนี้เราจะตื่นมาแล้วมีโอกาสได้กลับมาดูภาพที่ถ่ายไว้หรือมีทุกอย่างแบบที่เรามีวันนี้อยู่อีกไหม

ขอบคุณคุณหมอที่เกิดมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

Ready to start your Leadership Journey?