ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารวิ่งพล่านไปทั่ว ผู้คนสามารถรับรู้เรื่องราวเชิงลึกได้จากหลายหลากช่องทาง ความโปร่งใสในการบริหารจัดการจึงเป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ไม่ยาก ผู้นำที่ประสบความสำเร็จจะไม่ต้องลังเลใจว่าจะเลือกอะไร ระหว่างผลประโยชน์หรือคุณธรรม การทำกิจกรรมต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรต้องอยู่ในกรอบของคุณธรรม

 

แม้ว่ากฎหมายอาจไม่ได้บังคับไว้อย่างชัดเจนในบางเรื่อง ที่เกี่ยวกับการขาดคุณธรรม แต่ ‘จริยธรรม’ คือสำนึกของผู้นำที่จะยกระดับตัวเองให้สูงกว่าผู้นำโดยทั่วไป

 

ผู้นำองค์กรที่มีจริยธรรม จะสามารถนำสิ่งนี้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารคนและบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

 

การแก้ไขความขัดแย้งอย่างเป็นธรรม เมื่อเผชิญกับข้อขัดแย้งในทีม ผู้นำที่มีจริยธรรมสามารถเริ่มต้นการสนทนาและทำความเข้าใจฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นกลาง ไม่มีอคติ ไม่ด่วนสรุป เพื่อหาทางออกของปัญหาที่เป็นธรรมและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย

 

การสร้างบรรยากาศที่น่าเชื่อถือ ผู้นำที่มีจริยธรรมสามารถสร้างความโปร่งใสและทำให้เกิดความร่วมมือ และเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างความน่าเชื่อถือแก่ลูกค้าและบุคลากร รวมถึงยังส่งเสริมให้เรื่องนี้เป็นวัฒนธรรมขององค์กรอีกด้วย

การตัดสินใจอย่างมีหลักการ เมื่อต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อน ผู้นำที่มีจริยธรรมจะใช้ค่านิยมและหลักการในการตัดสินใจ โดยไม่มีอคติ ความโลภ โกรธ หลง เข้ามาปะปน ทำให้ผลลัทธ์ที่ออกมาเป็นที่เข้าใจของผู้เกี่ยวข้อง เพราะผู้นำได้ตัดสินใจบนหลักการที่ซื่อสัตย์และเป็นธรรม

 

การเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมมีความสำคัญอย่างมาก ในการสร้างความน่าเชื่อถือและถือเป็นความรับผิดชอบของผู้นำทุกคนในองค์กร ซึ่งผู้นำที่มีจริยธรรมต้องมีมาตรฐานสูงสุดในการตัดสินใจและการปฏิบัติ ทั้งนี้การสร้างและส่งเสริมจริยธรรมในองค์กรต้องเริ่มต้นจากผู้นำระดับสูงลงมา ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดี รวมถึงการกำกับดูแลจริยธรรมอย่างเป็นระบบในองค์กร การสร้างวัฒนธรรมในเรื่องนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในยุคที่ท้าทายนี้